รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ TESLA MODEL 3 ได้รับการออกแบบมาสำหรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า พร้อมกับตัวเลือกขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์คู่ เป็นขุมพลังที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้รูปโฉมเรียบง่าย

รถไฟฟ้า MODEL 3 จากค่าย TESLA เป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% เปิดตัวในประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2022 นี้มีมาให้เลือก 3 รุ่นย่อยด้วยกันคือ Rear-Wheel Drive ,  Long Range AWD และ Performance AWD โดยใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แบบมอเตอร์ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (PMSM : Permanent Magnet Synchronous Motor) โดย MODEL 3 รุ่น Rear-Wheel Drive เป็นแบบมอเตอร์เดี่ยว (ขับเคลื่อนล้อหลัง) มีกำลังสูงสุด 283 แรงม้า (หรือ 208 กิโลวัตต์) , มีแรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร , มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุด 559 กิโลเมตร NEDC Standard (ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง) , MODEL 3 รุ่น Long Range AWD เป็นแบบมอเตอร์คู่ DUAL PMSM (ขับเคลื่อนล้อหน้าและหลัง) มีกำลังสูงสุด 498 แรงม้า (หรือ 366 กิโลวัตต์) , มีแรงบิดสูงสุด 493 นิวตัน-เมตร , มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 233 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุด 681 กิโลเมตร NEDC Standard (ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง) และท้ายสุด MODEL 3 รุ่น Performance AWD เป็นแบบมอเตอร์คู่ DUAL PMSM (ขับเคลื่อนล้อหน้าและหลัง) เหมือนรุ่น Long Range มีกำลังสูงสุด 513 แรงม้า (หรือ 377 กิโลวัตต์) , มีแรงบิดสูงสุด 660 นิวตัน-เมตร , มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 261 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุด 608 กิโลเมตร NEDC Standard (ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง)

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Dual Motor ของ TESLA MODEL 3 (สำหรับรุ่น รุ่น Long Range AWD และรุ่น Performance AWD) มีมอเตอร์อิสระสองตัว สำหรับการทำงานซ้ำซ้อนที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยมอเตอร์แต่ละตัวมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นสำหรับการบำรุงรักษาที่น้อยที่สุดและความทนทานสูงสุด ซึ่งต่างจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อทั่วไปตรงที่สามารถควบคุมแรงบิดที่ล้อหน้าและล้อหลังแบบดิจิทัลได้เพื่อการควบคุมและการยึดเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้น

การชาร์จรถไฟฟ้า ทำได้โดยเสียบปลั๊กไฟบ้านทั่วไป หรือแท่นชาร์จสาธารณะ จะทำการเสียบปลั๊กผ่านสถานีชาร์จ ซึ่งความเร็วในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับสถานีชาร์จ และความจุแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า

TESLA MODEL 3 รุ่น Rear-Wheel Drive รองรับการชาร์จ ด้วยหัวแบบ Type 2 และ CCS Combo 2 มีระบบการชาร์จไฟบ้านแบบกระแสสลับ (AC) 11 kW และรองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 170 kW โดยแบตเตอรี่ ที่ใช้เป็นแบบ Lithium-Ion (LFP/Graphite) Battery ขนาด 57.5 kWh ถ้าไฟเต็ม 100% ขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 559 กม. (NEDC Standard)

TESLA MODEL 3 รุ่น Long Range AWD รองรับการชาร์จ ด้วยหัวแบบ Type 2 และ CCS Combo 2 มีระบบการชาร์จไฟบ้านแบบกระแสสลับ (AC) 11 kW และรองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 250 kW โดยแบตเตอรี่ ที่ใช้เป็นแบบ Lithium-Ion (NMC/Graphite) Battery ขนาด 75.0 kWh ถ้าไฟเต็ม 100% ขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 681 กม. (NEDC Standard)

TESLA MODEL 3 รุ่น Performance AWD รองรับการชาร์จ ด้วยหัวแบบ Type 2 และ CCS Combo 2 มีระบบการชาร์จไฟบ้านแบบกระแสสลับ (AC) 11 kW และรองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 250 kW โดยแบตเตอรี่ ที่ใช้เป็นแบบ Lithium-Ion (NMC/Graphite) Battery ขนาด 75.0 kWh ถ้าไฟเต็ม 100% ขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 608 กม. (NEDC Standard)

TESLA MODEL 3 สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ 2 แบบ คือ Normal Charge แบบ AC (ผ่านหัวชาร์จประเภท Type 2) และ Quick Charge แบบ DC (ผ่านหัวชาร์จประเภท CCS Combo 2) Normal Charge คือ การชาร์จไฟจากชุด HOME CHARGER ที่บ้าน กระแสสลับ AC (รองรับสูงสุด 11 kW) ใช้เวลาประมาณ 6.15 ชั่วโมง และ Quick Charge คือ การชาร์จไฟ กระแสตรง DC (MODEL 3 รุ่น Rear-Wheel Drive รองรับสูงสุด 170 kW , MODEL 3 รุ่น Long Range AWD และ Performance AWD รองรับสูงสุด 250 kW ) จาก 30-80% ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ทั้งนี้ระยะเวลาการชาร์จ ขึ้นอยู่กับประเภทของไฟฟ้า และอัตราค่าไฟฟ้าของแต่ละจุดชาร์จ)

ข้อดีของการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อ TESLA อีกอย่างก็คือ จะได้ใช้งาน Tesla Supercharger หรือตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูง โดยมีประสิทธิภาพการจ่ายไฟฟ้า ตั้งแต่รูปแบบ AC 11 kW และแบบ DC ตั้งแต่ 75 kW ถึง 350 kW ซึ่งจะทำให้การชาร์จรถไฟฟ้าของเรานั้นเร็วมาก โดยปัจจุบันมีการใช้งานตู้ชาร์จ Tesla Supercharger หลายขนาด คือ Supercharger v2 Shared (75 kW DC) , Supercharger v2 (150 kW DC) , Supercharger v3 (250 kW DC) และกำลังมีการพัฒนา Supercharger v4 (350 kW DC) ซึงมีแผนจะเปิดตัวเร็วๆนี้

ในส่วนของตู้ชาร์จ Tesla Supercharger ในประเทศไทย ณ ปัจจุบันนี้ (7 ธันวาคม 2565) ยังไม่มีให้บริการ แต่ทางคุณอีวอน ชาน ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Tesla Supercharger (เทสลา ซูเปอร์ชาร์จเจอร์) แห่งแรกของ TESLA ในประเทศไทย จะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2566 และจะขยายสถานี Tesla Supercharger ให้ถึง 10 แห่งภายในปีหน้า ในเขตกรุงเทพ เพื่อให้รถสามารถชาร์จ พลังงานเพื่อการเดินทางได้ ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถชาร์จได้ระยะทางไกลถึง 275 กม. ในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น” ทั้งนี้หากมีข่าวเพิ่มเติมเมื่อใหร่ เราจะรีบ Update ให้ทราบทันที

TESLA MODEL 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมรูปแบบที่ทันสมัยสมกับความเป็นยุคสมัยใหม่ รูปทรงรถยนต์ไฟฟ้า MODEL 3 จะออกแบบลักษณะเส้นสายโค้งเว้า ลดแรงต้านทานอากาศ ดูล้ำสมัยทุกจุด แม้กระทั่งการใช้งานจริงเช่นการเปิดประตูเข้ารถโดยใช้การ์ดแปะที่ตัวรถ หรือที่พิเศษไปกว่านั้นคือใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนของเรา เพียงแค่เดินไปในรัศมีของตัวรถก็จะสามารถเปิดได้โดยที่ไม่ต้องกดปุ่มใดๆเลย รวมถึงฟังชั่นหลายๆอย่างที่อัดแน่นไปด้วยความทันสมัยและไม่เหมือนใคร

ภายในของรถไฟฟ้าเทสล่า TESLA Model 3 ไม่เหมือนกับรถคันอื่นเลย คือสามารถใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน ของตัวเป็นกุญแจ และเข้าถึงส่วนควบคุมในการขับขี่ทั้งหมดได้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน และดูได้จากหน้าจอสัมผัสส่วนกลางขนาด 15 นิ้ว มี FM/HD วิทยุแบบออนดีมานด์ หรือผ่านอินเทอร์เน็ต และการสตรีมผ่านการเชื่อมต่อ มีระบบนำทางปรับเปลี่ยนตามสภาพการจราจรอัตโนมัติแบบ Realtime และสามารถควบคุมการขับขี่ส่วนบุคคล ควบคุมระบบปรับอากาศ ฯลฯ ได้ในหน้าจอสัมผัสส่วนกลางได้ทั้งหมด รวมถึงหลังคาที่เป็นกระจกทั้งหมด ตั้งแต่ด้านหน้าจรดด้านหลังช่วยให้รู้สึกโล่งสบายทุกๆที่นั่งในรถไฟฟ้า MODEL 3 ตัวนี้

ตารางภาพแบ่งรายละเอียด รุ่นและสี ของ TESLA MODEL 3 ที่จำหน่ายในประเทศไทย มีทั้งหมด 5 สี โดยทั้ง 3 รุ่น คือ Rear-Wheel Drive , Long Range AWD และ Performance AWD สามารถเลือกสีได้ทั้งหมด

แต่ในส่วนของล้อ TESLA MODEL 3 นั้น จะแบ่งลาย และขนาดของล้อ ออกตามรุ่นที่เราเลือก คือ รุ่น Rear-Wheel Drive ใช้ล้อ AERO+ฝาครอบล้อ ขนาด 18 นิ้ว ขนาดยาง 235/45 R18 , รุ่น Long Range AWD ใช้ล้อสปอร์ต ขนาด 19 นิ้ว ขนาดยาง 235/40 R19 และ รุ่น Performance AWD ใช้ล้อ ÜBERTURBINE ขนาด 20 นิ้ว ขนาดยาง 235/35 R20 เราได้ทำสรุปไว้ให้ดูง่ายขึ้น ดังตารางภาพด้านล่าง

ความปลอดภัยคือส่วนที่สำคัญที่สุดในการออกแบบโดยรวมของ TESLA MODEL 3 โครงสร้างโลหะเป็นการผสมผสานระหว่างอลูมิเนียมและเหล็กเพื่อความแข็งแรงสูงสุด รวมถึงเทคโนโลยีของ TESLA ได้รับการออกแบบมาให้เป็นรถยนต์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ตั้งแต่การออกแบบรถยนต์ ซอฟต์แวร์ ไปจนถึงฟีเจอร์ที่ให้แก่เจ้าของรถ TESLA ทุกคน ไม่เพียงทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถ TESLA ปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้ขับขี่ทุกคนบนท้องถนนด้วย

TESLA แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดจองรถอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อ 7 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมีวิธีการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า TESLA ในรูปแบบการ “จำหน่ายออนไลน์” โดยผู้สนใจสามารถเข้าไปที่ website : www.tesla.com/th_th  และกดเลือกรุ่นรถที่สนใจ พร้อม Option ต่างๆที่ต้องการและกดเพื่อทำการชำระเงินค่าบริการจองรถในระบบได้ทันที ซึ่ง TESLA MODEL 3 มีราคาดังนี้

TESLA MODEL 3 รุ่น Rear-Wheel Drive :  ราคา 1,759,000 บาท สำหรับสีดำ SOLID BLACK เท่านั้น
ส่วนสีอื่นๆมีมีราคาเพิ่มเติม คือ
– สีขาวมุกมัลติโค้ท PEARL WHITE MULTI-COAT +50,000 บาท
– สีมิดไนท์ซิลเวอร์เมทัลลิก MIDNIGHT SILVER METALLIC +50,000 บาท
– สีน้ำเงินเข้มเมทัลลิก DEEP BLUE METALLIC +50,000 บาท
– สีแดงมัลติโค้ท RED MULTI-COAT +80,000 บาท

TESLA MODEL 3 รุ่น Long Range AWD :  ราคา 1,999,000 บาท สำหรับสีดำ SOLID BLACK เท่านั้น
ส่วนสีอื่นๆมีมีราคาเพิ่มเติม คือ
– สีขาวมุกมัลติโค้ท PEARL WHITE MULTI-COAT +50,000 บาท
– สีมิดไนท์ซิลเวอร์เมทัลลิก MIDNIGHT SILVER METALLIC +50,000 บาท
– สีน้ำเงินเข้มเมทัลลิก DEEP BLUE METALLIC +50,000 บาท
– สีแดงมัลติโค้ท RED MULTI-COAT +80,000 บาท

TESLA MODEL 3 รุ่น Performance AWD :  ราคา 2,309,000 บาท สำหรับสีดำ SOLID BLACK เท่านั้น
ส่วนสีอื่นๆมีมีราคาเพิ่มเติม คือ
– สีขาวมุกมัลติโค้ท PEARL WHITE MULTI-COAT +50,000 บาท
– สีมิดไนท์ซิลเวอร์เมทัลลิก MIDNIGHT SILVER METALLIC +50,000 บาท
– สีน้ำเงินเข้มเมทัลลิก DEEP BLUE METALLIC +50,000 บาท
– สีแดงมัลติโค้ท RED MULTI-COAT +80,000 บาท

มี Option เสริมสามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้ดังนี้

1. ระบบ Autopilot แบบยกระดับ (EAP) จะเพิ่มความสามารถของระบบ Autopilot ในการนำทาง ได้แก่ ระบบเปลี่ยนช่องจราจรอัตโนมัติ, ระบบจอดรถอัตโนมัติ, Summon เรียกรถของคุณได้อัตโนมัติ และ Smart Summon แบบอัจฉริยะ โดย Option นี้เพิ่มเงิน +122,000 บาท

2. ระบบ Full Self Driving (FSD) คือระบบขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ฟังก์ชันการทำงานทั้งหมดของ Autopilot แบบพื้นฐาน และ Autopilot แบบยกระดับ เป็นระบบที่สามารถควบคุมรถอัตโนมัติตามสัญญาณไฟจราจรและป้ายหยุด พร้อมระบบความคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ (Autosteer) บนถนนในเมือง Option นี้เพิ่มเงิน +244,000 บาท

ตารางแสดงการคำนวณยอดผ่อนเงินกู้รถไฟฟ้า EV แบบเงินต้นคงที่ (คิดดอกเบี้ยแบบ Flat Rate) โดยการคำนวณอัตราดอกเบี้ย จะคำนวณจากเกณฑ์มาตราฐานดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยทั่วไป ซึ่งราคาเงินผ่อนที่แสดงในตาราง สำหรับใช้ในการพิจารณาข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้ ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่แต่ละบริษัทเป็นผู้กำหนด ผู้ซื้อสามารถสอบถามกับผู้ดูแลการขาย ณ ตอนซื้อขายนั้นๆ